วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Creative Thinking (ความคิดสร้างสรรค์)



     One of the worst aspects of formal education is the focus on the correct answer to a particular question or problem. While this approach helps us function in society, it hurts creative thinking because real-life issues are ambiguous. There’s often more than one “correct” answer, and the second one you come up with might be better than the first.     ด้านหนึ่งที่เลวร้ายที่สุดของการศึกษานอกโรงเรียนจะเน้นคำตอบที่ถูกต้องเพื่อคำถามหรือปัญหาที่เฉพาะเจาะจง ขณะที่วิธีนี้จะช่วยให้เราทำงานในสังคมมันเจ็บเพราะเรื่องความคิดสร้างสรรค์ในชีวิตจริงไม่ชัดเจน มักจะมีมากกว่าหนึ่งคำตอบ"ถูกต้อง"และคนที่สองคุณมาด้วยอาจจะดีกว่าครั้งแรก
ที่มา http://www.copyblogger.com/mental-blocks-creative-thinking

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ

การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ

1. คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่สามารถรับข้อมูล พร้อมคำสั่งในรูปแบบที่เครื่องสามารถที่จะเข้าใจได้ มาทำการคำนวณ เปรียบเทียบ และประมวลผล จนได้ผลลัพธ์ตามต้องการอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ความก้าวหน้าของงานคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนอกจากจะมีขนาดเล็กลงแล้ว ยังมีสมรรถนะในการทำงานสูงกว่าเดิมมาก ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีราคาถูกลง ทำให้โรงเรียนต่างๆสามารถซื้อมาใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างทั่วถึง
อุปกรณ์ที่ช่วยให้เราโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ได้ เช่น รายการเลือกสัญญาณรูปเมาส์ และปากกาแสง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานชิป
คอมพิวเตอร์ ( Computer ) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือประมวลผลที่ดีที่สุดในปัจจุบัน มีความสามารถในด้านต่างๆ ได้แก่ ความเร็ว ( Speed ) ในการประมวลผลสูง ซึ่งมีความเชื่อถือได้
( Reliability ) และหน่วยจัดเก็บข้อมูล ( Storage ) ขนาดใหญ่ และมีความสามารถในด้านการนำมาประยุกต์ใช้งานด้านกว้างหลายด้าน ทำให้คอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่นำไปใช้ใน IT
2. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
การพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ได้วิวัฒนาการมาจากการคำนวณของมนุษย์ เริ่มจากการนับนิ้วมือเมื่อมีตัวเลขเพิ่มขึ้นนำเอา ลูกปัด เปลือกหอย ก้อนหิน เข้ามาช่วยแทนในการนับมือ
ต่อมา ชาร์ล แบบแบจ ( Charles Babbage ) นักคณิตศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องหาผลต่าง หรือ Different Engine เพื่อคำนวณ ซึ่งต่อมาเขาได้รับยกย่องให้เป็น
บิดาคอมพิวเตอร์
การพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 5 ยุคดังนี้คือ
1. การพัฒนาในยุคต้น
การพัฒนาในยุคต้นเริ่มจากปี ค.ศ. 1951-1964 ซึ่งเป็นการพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์ ยุคที่1 และยุคที่ 2
ยุคที่ 1 ( ค.ศ. 1951-1958 )
เป็นการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์มาจากหลอดสุญญากาศ ( Vacuum Tube ) เป็นหน่วยความจำการ และวงจรตัวเครื่องขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าแรงสูงในการทำงาน ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่ยมาก และหลอดสุญญากาศที่ใช้อายุการใช้งานต่ำ
ยุคที่ 2 ( ค.ศ. 1959-1964 )
เริ่มมีการใช้ทรานซิสเตอร์เป็นหน่วยความจำกลางทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลงจากยุคแรกประมาณ 200 เท่า
ใช้กำลังในการทำงานน้อยกว่าและข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่า และใช้วงแหวนแม่เหล็กขนาดเล็ก ( Magnetic Core )
2. การพัฒนาในยุคกลาง
เป็นการพัฒนาซึ่งอยู่ในยุคที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นการพัฒนาในทั้ง 2 ยุคนี้เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1965-1980
เป็นยุคที่ใช้วงจรรวม IC ( Integrated Circuit ) แทนทรานซิสเตอร์ แล้วแผ่นพิมพ์บนซิลิคอน ( Silicon ) เรียกว่า ชิป ( Chip ) มีขนาดเล็ก มีหน่วยความเร็วเป็นไมโครวินาที
ยุคที่ 4 ( ค.ศ. 1972-1980 )
ในยุคนี้มีการใช้วงจร คือ การใช้เทคโนโลยีใหม่โดยรวมวงจร IC จำนวนมากลงในแผ่นซิลิคอน 1 แผ่น และเกิดคอมพิวเตอร์ขนาดกลางขึ้น และมีการผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
3. ลักษณะและประเภทของคอมพิวเตอร์
ซึ่งจำแนกได้ 5 ประเภทคือ
3.1 คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
3.2 คอมพิวเตอร์ขนาดกลาง
3.3 คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
3.4 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
3.5 คอมพิวเตอร์เฉพาะงาน

4. ลักษณะและการใช้คอมพิวเตอร์
4.1 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
- คอมพิวเตอร์สำนักงานและผู้ใช้ตามบ้าน
- คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือโน้ตบุ๊ค
- คอมพิวเตอร์ขนาดย่อม ประเภทวางตัก
- ปาล์มท็อปพิวเตอร์
ที่มา http://kunassama.blogspot.com/2009/06/1.html